เมนู

ปิณโฑลภารทวาชเถราปทานที่ 10 (8)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกปทุม


[10] พระสยัมภูชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ เป็นบุคคลผู้เลิศ
ประทับอยู่บนยอดเขาจิตตกูฏข้างหน้าหิมวันต์ เราเป็นพญาเนื้อ
ผู้ไม่มีความกลัว สามารถจะไปได้ในทิศทั้ง 4 พำนักอยู่ ณ
ที่นั้น.
สัตว์เป็นอันมากได้ฟังเสียงของเราแล้ว ย่อมครั่นคร้าม
เราคาบดอกปทุมที่บาน เข้าไปหาพระนราสภ ได้บูชาพระ-
พุทธเจ้าซึ่งเสด็จออกจากสมาธิ.
เวลานั้น เรานมัสการพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสูงสุดกว่า
นระใน 4 ทิศ ยังจิตของตนให้เลื่อมใสแล้วได้บันลือสีหนาท.
พระปทุมุตตรพุทธเจ้าผู้ทรงรู้แจ้งโลก ทรงรับเครื่องบูชา
ของเราแล้วประทับนั่งบนอาสนะของพระองค์ ได้ตรัสพระ-
คาถาเหล่านี้ ทวยเทพทั้งปวงได้ทราบพระดำรัสของพระ-
พุทธเจ้าแล้ว มาประชุมกันแล้งกล่าวว่า พระพุทธเจ้าผู้
ประเสริฐจักเสด็จมา เราทั้งหลายจักฟังธรรมนั้น.
พระมหามุนีผู้ทรงเห็นกาลไกล ผู้เป็นนายกของโลก ทรง
ประกาศเสียงบันลือของเรา เบื้องหน้าทวยเทพและมนุษย์ผู้
ประกอบด้วยความร่าเริงเหล่านั้นว่า ผู้ใดได้ถวายปทุมนี้ และ
ได้บันลือสีหนาท เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟัง
เรากล่าว.

ในกัปที่ 8 แต่ภัทรกัปนี้ ผู้นั้นจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง 4 จัก
เสวยความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน 64 ชาติ จักเป็นพระเจ้าจักร-
พรรดิทรงกำลัง มีพระนามชื่อว่าปทุม.
ในแสนกัป พระศาสดาพระนามว่าโคดมโดยพระโคตร
ทรงสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก.
เมื่อพระศาสดาพระองค์นั้น ทรงประกาศพระศาสนาแล้ว
พญาสีหะนี้จักเป็นเผ่าพันธุ์พราหมณ์ จักออกจากสกุล-
พราหมณ์แล้วบวชในพระศาสนาของพระศาสดาพระองค์นั้น.
เขามีตนอันส่งไปแล้วเพื่อความเพียร เป็นผู้สงบระงับไม่
มีอุปธิ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักไม่มีอาสวะ นิพพาน
ณ เสนาสนะอันสงัดปราศจากชน แต่คลาคล่ำด้วยเนื้อร้าย.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เรา
ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.

ทราบว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนั้นแล.
จบปิณโฑลภารทวารชเถราปทาน

8. พรรณนาปิณโฑลภารทวาชเถราปทาน


คำว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้เป็นต้น เป็นอปทานของ
ท่านพระปิณโฑลภารทวาชเถระ.
แม้พระเถระนี้ก็ได้กระทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
ก่อสร้างบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่วิวัฏฏะไว้ในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ บังเกิดในกำเนิดราชสีห์อยู่ในถ้ำ
ที่เชิงภูเขา. เพื่อจะทรงกระทำความอนุเคราะห์แก่ราชสีห์นั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงเสด็จเข้าไปยังถ้ำเป็นที่อยู่ของราชสีห์นั้น ในเวลาที่ออกไป
หาเหยื่อ ทรงนั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่. ราชสีห์จับเหยื่อแล้วกลับมายืนอยู่ที
ประตูถ้ำ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทั้งร่าเริงและยินดี จึงบูชาด้วยดอกไม้
ที่เกิดในน้ำและบนบก ทำจิตให้เลื่อมใส. เพื่อต้องการจะอารักขาพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า จึงบันลือสีหนาท 3 เวลา เพื่อให้เนื้อร้ายอื่น ๆ หนีไป
ได้ยืนอยู่ด้วยสติอันไปแล้วในพระพุทธเจ้า. บูชาอยู่ตลอด 7 วัน เหมือน
ในวันแรก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า เมื่อล่วง 7 วันแล้ว ควร
ออกจากนิโรธสมาบัติ ส่วนแห่งบุญมีประมาณเท่านี้จักเป็นอุปนิสัยแก่.
ราชสีห์นี้ ดังนี้ เมื่อราชสีห์นั้นเห็นอยู่นั่นแหล่ะ จึงเหาะขึ้นไปสู่อากาศ
เสด็จไปยังพระวิหารทีเดียว.
ราชสีห์ไม่อาจอดกลั้นความทุกข์ เพราะพลัดพรากจากพระพุทธเจ้า
จึงกระทำกาละแล้วบังเกิดในตระกูลมีโภคะมากในนครหังสวดี พอเจริญวัย
แล้ว ได้ไปยังพระวิหารกับชาวเมือง ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา
แล้วเลื่อมใส ยังมหาทานให้เป็นไปแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็น
ประธาน ตลอด 7 วัน ทำบุญทั้งหลายจนชั่วชีวิต ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ